วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เนื้อเรื่องย่อและวิจารณ์ตัวละครในเรื่องศึกโค่นบัลลังก์วังทอง

ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง



ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กล่าวถึงในสมัยของราชวงศ์ถังตอนปลาย ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งนับได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของจีนเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นเราจะเห็นได้จากความอลังการไม่ว่าจะเป็นสถานที่ พระราชวัง และห้องต่างๆในพระราชวังล้วนประดับประดาไปด้วยทองคำ ไม่เว้นแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวละครทุกตัวอีกด้วย ฮ่องเต้ได้กลับมาพร้อมกับองค์ชายรองที่ถูกส่งไปอยู่ชายแดนถึง 3 ปี เพื่อกลับมาฉลองเทศกาลฉงหยางเป็นเทศกาลดอกเบญจมาศ แต่สำหรับฮ่องเต้แล้วเป็นการรำลึกถึงและให้เกียรติแก่ฮองเฮาองค์แรกที่เขาคิดว่าเสียชีวิตจากเขาไปโดยไร้ร่องรอย ในขณะเดียวกันฮองเฮาได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับองค์ชายรัชทายาทซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของตนเอง ในช่วงเวลาเดียวฮองเฮาได้ป่วยซึ่งฮ่องเต้อ้างว่านางได้ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ดั้งนั้นต้องทานยาที่ได้สั่งไว้ให้เป็นพิเศษทุกๆยาม ซึ่งในยานั้นมีตัวยาที่มีพิษผสมอยู่ด้วย จึงทำให้อาการของนางยิ่งทรุดลง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากหมอหลวงลูกสาว และฮ่องเต้ ทางด้านขององค์รัชทายาทเริ่มรู้สึกอึดอัดกับความสัมพันธ์ที่ตนมีกับฮองเฮา จึงคิดที่จะขอย้ายตัวเองออกจากพระราชวังไปอยู่ชายแดนกับคนรักซึ่งเป็นบุตรสาวของหมอหลวงประจำราชสำนัก ในขณะเดียวกันนั้นองค์ชายรองก็ได้เป็นกังวลเรื่องสุขภาพของมารดา ส่วนองค์ชายเล็กดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสำคัญแก่เขา เมื่อฮองเฮาได้รู้ถึงอุบายของฮ่องเต้จึงเกิดเรื่องที่มาถึงจุดแตกหัก เนื่องจากฮองเฮาต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของตน จึงเกิดศึกขึ้นระหว่างคนในครอบครัว ในตอนนั้นภายในครอบครัวได้เกิดการร้าวฉานทั้งความขัดแย้งที่ฮ่องเต้มีต่อฮองเฮา หรือความอิจฉาริษยาที่องค์ชายเล็กมีต่อองค์รัชทายาท จนทำให้เกิดศึกขึ้นระหว่างพ่อกับลูกคือองค์ชายรองที่ต้องการจะช่วยมารดาของตน สุดท้ายก็เกิดการนองเลือดขึ้น และครอบครัวก็ไม่เหลือใครนอกจากฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารตัวนั้น
จากที่กล่าวมาสามารถบอกถึงความรู้สึกของตัวละครหลักๆและความรู้สึกของข้าพเจ้าต่อตัวเหล่านี้คือ
ฮ่องเต้ ตามความรู้สึกของข้าพเจ้าฮ่องเต้ดูเป็นผู้ที่มีมาดของผู้นำที่สง่างามและดูเป็นนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุคคลที่น่าเกรงขาม มีความสามรถในด้านการต่อสู้เป็นเลิศ แต่ดูเป็นผู้ที่เย็นชาและเลือดเย็นเพราะสามารถวางยาพิษเพื่อที่จะฆ่าภรรยาตนเองได้โดยไม่มีความรู้สึกกังวลเลย ฮ่องเต้เป็นผู้ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายทุกคนได้ และมักพูดคำว่า “เมื่อข้าไม่ให้ ใครก็อย่าคิดแย่ง” ทำให้ดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์และความสุขของตนเองโดยไม่คิดถึงคนรอบข้าง และยังเป็นคนที่เผด็จการอีกด้วย แต่ฮ่องเต้รักองค์รัชทายาทมากเพราะถึงแม้จะรู้ว่าลูกของตนไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาของตนแต่ก็ไม่โทษและโกรธแค้นองค์รัชทายาท กลับโทษว่าเป็นความผิดของฮองเฮา
ฮองเฮา ตามความรู้สึกของข้าพเจ้าคิดว่าถือว่าเป็นตัวแทนของผู้หญิงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากฮองเฮาได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจของฮ่องเต้โดยไม่เกรงกลัว เป็นผู้ที่มีความรักศักดิ์ศรีอย่างมาก เป็นผู้ที่มีความทะนงเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังถูกรังแกหรือถูกทำร้ายก็ลุกขึ้นมาต่อสู้โดยไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะเป็นการเสี่ยงภัยต่อชีวิต เพื่อทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกมาจากอำนาจอันไม่ชอบธรรมของฮ่องเต้ เป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็ง กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ แต่บางทีก็เป็นคนที่อารมณ์ร้อน วู่วาม ไม่รู้จักระงับอารมณ์ของตน คิดว่าบางที่สาเหตุที่ทำให้ฮองเฮาไปมีความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทเพราะฮ่องเต้ไม่เคยให้ความรักแก่นางเลย เนื่องจากฮ่องเต้ยังลืมคนรักคนแรกของตนยังไม่ได้ จึงอาจทำให้นางว้าเหว่จนเกิดปัญหานี้ขึ้นมาในที่สุดจนยากเกินที่จกลัยตัวแล้ว
องค์รัชทายาท (เหยียนเสียง) ตามความรู้สึกของข้าพเจ้าจากเรื่องจะเห็นได้ว่าองค์รัชทายาทถือเป็นแบบอย่างหนึ่งของระบบราชวงศ์ในยุคสมัยนั้นของจีนที่ดูจะอ่อนแอและเหยาะแหยะทั้งทางกายภาพและสภาพจิตใจ ทั้งที่ฮ่องเต้ทรงรักและภาคภูมิใจเป็นที่สุดในบรรดาบุตรชายทั้งหมดอีกทั้งจะมอบบัลลังก์ให้เหยียนเสียงอีกด้วย แต่เหยียนเสียงคิดว่าตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทและไม่เหมาะสมที่จะขึ้นครองราชย์บัลลังก์ ประกอบกับตนได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวอย่างลับๆกับฮองเฮาผู้ซึ่งเปรียบเสมือนแม่เลี้ยง ทั้งๆที่มีความรักอยู่กับนางสนมวังในซึ่งเป็นบุตรสาวของแพทย์หลวงประจำพระองค์ที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางใจ คิดว่าสาเหตุที่ทำให้ฮองเฮาและองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์กันอาจเนื่องมาจากการคิดว่าที่มารดาแท้ๆของตนเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็กๆเลยต้องการความรักจากแม่แต่กลับพลั้งเผลอไป เหยียนเสียงรู้สึกอึดอัดในความสัมพันธ์นี้จึงขอฮ่องเต้ให้ย้ายตนไปอยู่ชายแดนเพื่อหนีปัญหา แต่สุดท้ายก็ได้มารู้ความจริงที่ว่าตนเองกับหญิงที่ตนรักนั้นเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ทำให้เหยียนเสียงรู้สึกตกใจและยอมรับไม่ได้
องค์ชายรอง (เหยียนเจี๋ย) ตามความรู้สึกของข้าพเจ้าคิดว่าองค์ชายรองว่าเหมาะสมกับการเป็นผู้นำและถือเป็นตัวอย่างหรือตัวแทนของคนหนุ่มในระบบราชวงศ์ที่รู้สึกกระด้างกระเดื่องต่อระบบการปกครองของฮ่องเต้ที่มีต่อครอบครัวและมีปฏิกิริยาต่อต้านระบบผู้นำของฮ่องเต้อย่างชัดเจน เป็นผู้ที่มีความรักและสื่อสัตย์ต่อมารดาอย่างมากยอมทำทุกอย่างเพื่อมารดาแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม เมื่อทราบว่ามารดาของตนได้ถูกฮ่องเต้ผู้ซึ่งเป็นบิดาคิดร้ายโดยการวางยาพิษมาเป็นระยะเวลานาน ก็เกิดอาการโกรธแค้นและไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงคิดร้ายกับมารดาของตน จึงอย่างให้มารดาของตนหลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ โดยการช่วยนำกองทัพที่จะก่อการกฎบซึ่งเป็นกองทัพที่ฮองเฮาได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว และเนื่องจากตนได้ถูกส่งให้ไปอยู่ชายแดนนอกจากได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่ที่ยากลำบากแล้วยังได้เรียนรู้ถึงวิธีการต่อสู้ การทำศึกสงคราม การนำทัพเป็นอย่างดีประกอบกับการที่ตนได้รับหมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลกองกำลังทหารทั้งหมดดั้งนั้นจึงง่ายต่อการนำทัพ แต่สุดท้ายกองทัพของตนก็ผ่ายแพ้ต่อกองทัพของฮ่องเต้และถูกจับได้ ฮ่องเต้จึงใช้อุบายบีบบังคับว่าจะไม่ลงโทษแต่จะให้เป็นผู้กวดขันให้มารดาของตนกินยาที่ผสมยาพิษ แต่เหยียนเจี๋ยไม่สามารถทำตามความประสงค์ของบิดาได้จึงฆ่าตัวตายด้วยรู้สึกผิดที่ว่าตนไร้ความสามรถ และได้บอกกับบิดาว่าตนไม่ได้ทำเพื่อต้องการแย่งชิงอำนาจหรือบัลลังก์แต่อย่างใดเพียงแต่ต้องการทำตามความถูกต้องและทำเพื่อมารดาเท่านั้น
องค์ชายเล็ก (เหยียนเฉิน) ตามความรู้สึกของข้าพเจ้าคิดว่าองค์ชายเล็กถือเป็นตัวแทนของเด็กที่มีปัญหา เนื่องจากขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ถูกครอบครัวเลี้ยงดูด้วนความมั่งคั่งแทนความรักความอบอุ่น ซึ่งเกิดมาท่ามกลางความสะดวกสบายทั้งสถานภาพทางสังคมและฐานะเงินทอง และเนื่องจากขาดความรักความอบอุ่นทำให้เป็นผู้ที่มีแต่ความอิจฉาริษยา คิดว่าองค์รัชทายาทเป็นที่รักของทั้งฮ่องเต้และฮองเฮามาก องค์ชายรองก็เป็นที่รักของฮองเฮามากเช่นกันส่วนตนกลับไม่เป็นที่รักของใครเลยรุ้สึกได้ถึงความเหินห่างและช่องว่างระหว่างครอบครัว คิดว่าไม่มีใครสนใจจึงพยายามเรียกร้องความสนใจ และได้คอยเฝ้ามองพฤติกรรมของสมาชิกทุกคนในครอบครัวจนได้ร่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของมาดาและองค์รัชทายาท เป็นผู้ที่มีความเก็บกด และมีความมักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัว
สรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่สะท้อนถึง “ปัญหาครอบครัว” ซึ่งเกิดความขัดแย้งกันดูเหมือนจะเป็นของครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้แต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์มากกว่าความรัก และพ่อแม่มัวแต่หมกหมุ่นอยู่แต่เรื่องของตัวเองจนไม่สนใจว่าลูกของตนจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเนื่องจากขาดคนดูแลเอาใจใส่ เป็นครอบครัวที่ลูกไม่สามารถเอาเหตุผลมาโต้แย้งกับผู้เป็นพ่อจะต้องก้มหน้าก้มตายอมรับในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อสั่ง ถึงแม้มันจะไม่ถูกต้องก็ตาม เมื่อต่างคนต่างก็มีเรื่องบาดหมางใจกัน แต่กลับไม่เปิดอกคุยกัน กลับเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังตัดสิน คือ พ่อฆ่าลูกชายตัวเอง น้องฆ่าพี่ชายตัวเอง ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมนั่นเอง

น.ส.นริฉัตร ฤทธิ์แรงกล้า

4819267